คุณสมบัติ ไม่จำกัด คอมเพรสเซอร์ WEBP นี้ฟรีและให้คุณใช้งานได้ไม่จำกัดเวลาและบีบอัดขนาด WEBP ออนไลน์ การบีบอัดที่รวดเร็ว การประมวลผลการบีบอัดของมันมีประสิทธิภาพดังนั้น, มันใช้เวลาน้อยลงในการบีบอัดภาพทั้งหมดที่เลือก WEBP. การรักษาความปลอดภัย เรามั่นใจว่าเว็บพีของคุณมีความปลอดภัยมาก. ทำไมเพราะเราไม่ได้อัปโหลด WEBP ใด ๆ ที่ใดก็ได้บนเซิร์ฟเวอร์ เพิ่มหลายแฟ้ม ในเครื่องมือนี้คุณสามารถบีบอัดไฟล์ WEBP หลายไฟล์ในแต่ละครั้งคุณสามารถบีบอัด WEPs และบันทึกไว้ ใช้งานง่าย เครื่องมือนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความรู้ขั้นสูงดังนั้น, มันเป็นเรื่องง่ายที่จะบีบอัดขนาด WEBP. เครื่องมือทรงพลัง คุณสามารถเข้าถึงหรือใช้คอมเพรสเซอร์ WEBP ออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตโดยใช้เบราว์เซอร์ใด ๆ จากระบบปฏิบัติการใด ๆ
36 MB เท่านั้น หากเทียบกับตอนแรกที่ไฟล์ใหญ่ถึง 15. 3 MB ถือว่าลดขนาดมาได้เยอะมากล่ะ ก็ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้งานกันดูนะครับ ที่มา:,,,,,,,,
วิธีลดขนาดไฟล์รูปใน Microsoft PowerPoint เหตุผลหลักที่ทำให้ไฟล์นำเสนองาน (Presentation File) ของเรามีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะมาพวกไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ หากเราใส่รูปลงไปในสไลด์จำนวนมาก พอบันทึกไฟล์เสร็จเราจะพบว่าไฟล์มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยล่ะ บทความเกี่ยวกับ Microsoft อื่นๆ แต่เรามีวิธีลดขนาดไฟล์แบบง่ายๆ ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่แล้วในโปรแกรม Microsoft PowerPoint จะมีขั้นตอนอย่างไร มาลองดูวิธีการทำกัน บอกเลยว่าง่ายมากๆ ขั้นตอนการลดขนาดไฟล์รูปใน PowerPoint ก่อนอื่นก็เปิดไฟล์ PowerPoint ขึ้นมาก่อน ในภาพด้านล่างนี้เป็นสไลด์ที่เราสร้างขึ้นมาทดสอบ มี 8 หน้า ใส่รูปทั้ง 8 หน้า ขนาดไฟล์อยู่ที่ 15.
ต้องการส่งทางอีเมลจากนั้นเลือก "อีเมล" คลิกที่ตกลง รูปภาพที่เลือกถูกบีบอัดในขณะนี้ วิธีที่ 2 ด้วย Microsoft Word และ PowerPoint (Windows) เปิดเอกสาร MS Word และคลิกที่รูปภาพที่คุณต้องการบีบอัด คลิกเมนู "เครื่องมือรูปภาพ" และไปที่ "บีบอัดรูปภาพ" ทำเครื่องหมายที่ "ใช้กับภาพที่เลือกเท่านั้น" จากนั้นคลิก "ตัวเลือก" ทำเครื่องหมาย "ทำการบีบอัดพื้นฐานโดยอัตโนมัติเมื่อบันทึก" และ "ลบพื้นที่ภาพที่ครอบตัด" เลือก "พิมพ์", "หน้าจอ" หรือ "อีเมล" ขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณต้องการใช้รูปถ่ายที่ถูกบีบอัด ถ้าคุณ z B.
JPEG สำหรับภาพถ่าย หรือภาพวาดที่มีจำนวนสีมากๆ 2. GIF, PNG-8 สำหรับภาพที่มีลักษณะเป็นลายเส้น หรือภาพที่ไม่ต้องการให้มีพื้นหลัง รูปที่ไม่มีการไล่สี เช่นภาพการ์ตูน ภาพที่มีจำนวนสีน้อยๆ เช่น โลโก้ 3. PNG ใช้กับภาพถ่ายที่ต้องการให้มีลักษณะโปร่งแสง ไฟล์ที่อัดแล้วจะมีขนาดใหญ่กว่า JPEG แต่มีคุณภาพความคมชัดสูงกว่า โปรแกรมที่ใช้ในการบีบอัดภาพ เราอาจนำภาพที่บีบอัดแล้ว มาอัดซ้ำให้ได้ขนาดตามที่เราต้องการก็ได้ โดยโปรแกรมที่แนะนำให้ใช้ก็คือ Photoshop หรือ Illustrator สามารถใช้งานได้เหมือนกัน เนื่องจากว่า 2 โปรแกรมนี้มีเครื่องมือที่ทำให้การบีบอัดไฟล์ง่ายขึ้น และเปรียบเทียบการบีบอัดแต่ละชนิดได้ง่าย การบีบอัดไฟล์ JPEG โดยใช้ Photoshop 1. เปิดภาพนั้นขึ้นมาด้วยโปรแกรม Photoshop, illustrator จากนั้นไปที่ File > Save for web ดังรูป 2. จะมีหน้าต่างขึ้นมาดังรูป 3. เริ่มจากทางซ้ายมือ บนสุดเลือก 4-up เป็นการระบุหน้าที่ใช้เปรียบเทียบให้มี 4 หน้า 4. ให้เลือกหน้าใดหน้าหนึ่งใน 4 หน้า แล้ว ไปที่ ส่วนที่ใช้ปรับชนิดและคุณสมบัติต่างๆของไฟล์ มีรายละเอียดที่จำเป็นต้องทราบดังนี้ 4. 1. Preset เลือกชนิดของไฟล์ที่เราต้องการ ในหัวข้อนี้ก็เลือก JPEG 4.
ดูคุณสมบัติทั้งหมด แก้ไขรูปถ่าย โปรแกรมแก้ไขภาพออนไลน์ฟรีที่ดีที่สุดในที่เดียวเป็นไปได้หรือไม่? ใช่.
2. หัวข้อใต้ Preset ใช้เลือกคุณภาพของรูปว่าต้องการแบบได้ High, Medium, Low ยิ่งต่ำมากไฟล์ยิ่งเล็ก แต่คุณภาพของรูปก็จะลดลงไป 4. 3. Quality เลือกคุณภาพของภาพ ดีสุดอยู่ที่ 100 4. 4. Blur ปรับ Focus ของภาพ รูปจะดูนุ่มนวลขึ้นเมื่อปรับค่านี้ 5. เราสามารถปรับขนาดของรูปได้โดยคลิกที่ image size และใส่ขนาดที่เราต้องการลงไปเพียงค่าเดียว จะ height หรือ width ก็ได้โปรแกรมจะปรับขนาดรูปตามที่เราต้องการ 6. คลิก Save ก็จะได้รูปที่ทำการบีบอัดแล้ว หมายเหตุ การ save ไฟล์ เราจะ save ทับไฟล์เดิมหรือ save เป็นไฟล์ใหม่ก็ได้ การบีบอัดไฟล์ GIF โดยใช้ Photoshop 4. เลือกชนิดของไฟล์ที่เราต้องการ ในหัวข้อนี้ก็เลือก GIF 4. เลือกจำนวนสีที่ใช้ในภาพ 4.
ย.