/วัน เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบอันตรายจากรังสียูวี ***สรุปแล้ว ปริมาณไลโคปีนที่ควรจะได้รับขั้นต่ำแบบเห็นผลก็อยู่ที่ประมาณ 15-30 มก. ของไลโคปีนต่อวันจะ ทีนี้คงหายสงสัยกับสารไลโคปีนแล้วเรามาต่อกันเลยดีกว่ากับส่วนสีเขียว เบอร์ 2 คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค -คาโกเมะให้พลังงาน 50 กิโลแคลอรี ในขณะที่ ดอยคำให้ 40 กิโลแคลอรี จุดนี้ต่างกันแค่ 10 กิโลแคลลอรี ซึ่งดิฉันได้เล็งเห็นว่า พลังงานที่ได้ประมาณนี้ เทียบเท่ากับการออกกำลังกายประมาณ 30-45 นาที ถ้าคุณเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว จุดต่างแค่นี้ถือว่าไม่เป็นปัญหาคะ -จุดที่น่าสนใจต่อมาคือปริมาณน้ำตาลที่เราได้รับ ของคาโกเมะ ได้ 6 ก. ส่วน ดอยคำให้ 7 ก.
ศ. 2000 ที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Shigeru Ban และอีกครั้งในปี ค. 2005 ที่จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น โครงสร้าง
คาโกเมะให้ 90 มก. ส่วนดอยคำให้ 210 มก. งี้คาโกเมะก็ชนะหนะซิ ณ จุดนี้ ซึ่ง คนในวัยผู้ใหญ่ควรได้รับโซเดียมประมาณวันละ ๒๓๐ มิลลิกรัม หรือประมาณ ๑ ใน ๑๐ ของ ๑ ช้อนชา เท่านั้น แต่ ( ปริมาณสูงสุดที่องค์การอนามัยโลก กำหนดไว้คือ วันละ ๖ กรัม ซึ่งมีโซเดียม อยู่ ๒, ๔๐๐ มิลลิกรัม) จุดนี้ก็แล้วแต่พวกเธอจะเลือกทานเอาละกัน แล้วโซเดี้ยมคืออะไรคะ? โซเดียมคือ เกลือแร่ ( สารอาหาร) ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยโซเดียมจะทำหน้าที่ควบคุม ความสมดุลของของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิต ให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงาน ของประสาทและกล้ามเนื้อ ( รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย) ตลอดจนการดูดซึมสารอาหาร บางอย่าง ในไตและลำไส้ งี้ก็ไม่ควรทานดอยคำซิค่ะ โซเดี้ยมเยอะมาก!! = ตอบน่ะค่ะ อย่างที่ได้บอกไป คนเราก็ควรบริโภคโซเดียมให้เพียงพอต่อวันจะได้ไม่เป็นโรคโซเดียมต่ำ ซึ่งจะมีอาการ 1. คลื่นไส้อาเจียน 2. สับสน 3. เพลียไม่มีแรง 4. กระสับกระส่าย 5. กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นตะคริว 6. ชักหมดสติ 7. โคม่า ซึ่งถ้าวันไหนพวกเธอทานอาหารที่ไม่มีเกลือเลย หรือไม่มีโซเดียมนั่นแหละ การทานดอยคำ ก็สามารถช่วยเสริมทำให้พวกเธอได้รับโซเดียมที่เพียงพอต่อวันน๊ะจ๊ะ แต่ถ้าวันไหนทานเค็มเยอะๆแล้ว มาทานอันนี้อีก เราก็ว่ามันก็ไม่ควรน๊ะ เพราะโซเดียมทำให้ตัวบวมได้ แต่พวกโซเดียมนี้ก็สามารถขจัดออกได้โดยการออกกำลังกายให้เหงื่อออก หรือ ทางปัสวะก็เช่นกัน ต่อมาเป็นกรอบสีขาว เบอร์ 4 คือร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวันหมายถึงอะไรเหย๋อ?
ทานง่ายเหมาะกับคนที่ไม่ชอบทานมะเขือเทศ 1. มีไลโคปีนสูงถึง 60 มก. ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในหนึ่งวัน 2. มีโซเดียมน้อย ทำให้ลดอาการตัวบวมได้ดีในคนที่ทานเค็มเยอะๆอยู่แล้ว 2. ใส่คอลาเจนและวิตมินซีเข้ามา ทำให้กลายเป็นจุดเด่นและมีประโยชน์เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นที่ไม่มี 3. เคลมข้างกล่องว่าไม่เติมน้ำตาลและไม่ใส่วัตถุกันเสีย 3. นางใช้มะเขือเทศแท้ 100% 4. หาทานง่าย 4. ให้พลังงานน้อยกว่าเพียง 40 กิโลแคลอรี 5. ราคาถูกกว่าเพียง 16 บาท 5. จากการหาข้อมูลมาไม่เติมน้ำตาลเช่นเดียวกัน 6. หาทานง่ายมว๊าก ข้อเสีย 1. ไลโคเปียนน้อยมากเพียง 25 มก. เมื่อเทียบกับอีกยี่ห้อ 1. ทานยาก แม้ว่าฉันจะทานได้ แต่ซัก90% ของคนรอบข้างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ชอบรสชาติของดอยคำ 2. ไม่ใช้น้ำมะเขือเทศแท้ 100% 2. มีโซเดียมอยู่เยอะมาก ซึ้งคนที่เป็นโรคไตอยู่แล้ว หรือว่าทานเค็มมากๆอยู่แล้วควรเลี่ยงไปทานอีกยี่ห้อเพื่อที่จะป้องการ การรับโซเดียมมากเกินไป 3. ให้พลังงาน 50 กิโลแคลอรี ซึ่งมากกว่าอีกยี่ห้อ 3. ราคาแพงกว่าอีกยี่ห้อ ถึง 2บาท 4.
(Sango) นักล่าปีศาจฝีมือดีที่ถูกนาราคุหลอกไปทำร้ายจนปางตายด้วยน้ำมือของ? โคฮาคุ ผู้เป็นน้องชายตัวเองซ้ำยังถูกนาราคุเป่าหูว่าทุกคนในหมู่บ้านซังโกะถูกล้าง เผ่าพันธุ์ด้วยเป็นฝีมือของอินุยาฉะ ทำให้ซังโกะโกรธแค้นตามไปล้างแค้นกับอินุยาฉะ แต่เมื่อหลังจากรู้ความจริง ซังโกะจึงเข้าร่วมกับอินุยาฉะเพื่อกำจัดนาราคุ ต่อมาได้ตกลงเป็นคู่รักกับมิโรคุ พร้อมกับสัญญากันว่าจะแต่งงานกันเมื่อแก้แค้นนาราคุได้แล้ว มีอาวุธประจำกายคือ กระดูกบิน หรือ บูมเมอแรงยักษ์ ในตอนท้ายสุดของเรื่องเธอตกลงแต่งงานสร้างครอบครัวกับมิโรคุ ทั้งสองมีลูกๆด้วยกัน 3 คน เป็นลูกสาวฝาแฝดและลูกชายอีกหนึ่งคน ชิปโป (Shippo) เป็นลูกของปิศาจจิ้งจอกซึ่งถูกพี่น้องไรจู ( มันเต็น และ? ฮิเต็น) ฆ่าตาย ทีแรกต้องการมาขโมยลูกแก้วสี่วิญญาณของคาโกเมะเพื่อไปแก้แค้นให้พ่อแต่ได้อิ นุยาฉะมาช่วยแก้แค้นให้ ชิปโปจึงถืออินุยาฉะเป็นผู้มีพระคุณและร่วมเดินทางมากับพวกอินุยาฉะมาตลอด แต่ดูเหมือนจะสนิทกับคาโกเมะมากกว่าเพราะถูกอินุยาฉะแกล้งอยู่เป็นประจำ ชิปโปมีวิชาแปลงร่างได้ ชอบวาดภาพระบายสี เจ้าชู้เล็กๆ ถึงจะยังเป็นเด็กแต่บางครั้งก็กล้าหาญไม่เบาเลย คิราร่า (Kirara) สัตว์คู่ใจของซังโกะ คิราร่าได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านของซังโกะตั้งแต่ซังโกะยังไม่เกิด และยังมีคนเชื่อว่าคิราร่ายังเคยเป็นสัตว์คู่ใจของมิโกะนามว่า?
เท่ากัน เอาหละเรามาวิเคราะห์กันทีละส่วนเลยเริ่มจากรอบแรกสีเหลือง เบอร์ 1 คาโกเมะ น้ำมะเขือเทศจากน้ำมะเขือเทศเข้มข้น 99. 925% + เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน0. 75% และ ให้ไลโคปีน 25 มก. ต่อ 1 กล่อง 200 มล. -ไม่เจือสังเคราะห์ไม่ใช้วัตถุกันเสีย- ดอยคำ น้ำมะเขือเทศ 100% + เพิ่มคอลลาเจน 375 มก. 0. 05% + เพิ่มไลโคปีน 60 มก. อันดับแรกเลยที่เราสงสัยคือ 1. คาโกเมะทำไมถึงใช้คำว่า น้ำมะเขือเทศจากน้ำมะเขือเทศเข้มข้น 99. 925% เท่าที่เราไปถามพี่ๆที่เรียนวิทย์มา การใช้คำแบบนี้น่าจะมาจากการใช้หัวเชื้อของน้ำมะเขือเทศ ลองคิดภาพตาม เหมือนหัวเชื้อของน้ำหอม ก็จะได้กลิ่นที่แรงมาก และแพง ซึ่งเมื่อน้ำมาผสมและแบ่งขายก็จะลดต้นทุนแต่ยังหอมอยู่ แม้อาจไม่เท่าตัวหัวเชื้อ พอเข้าใจใช่มะ คือ แน่นอนหละ จุดนี้เราขอหักคะแนนคาโกเมะนะ เพราะว่ายังไงก็ได้ประโยชน์ไม่เท่าในน้ำมะเขือเทศ 100% อยู่ดี ซึ่งถามว่าเราจะเอาประโยชน์ไปทำไมหละ มันก็ทานได้เหมือนกัน คือขอพูดตรงนี้เลยว่า ดิฉันต้องการไลโคปีนคะ และนี้ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมคาโกเมถึงให้ไลโคปีนแค่ 25 มก. ต่อ 1 กล่อง ในขณะที่ดอยคำเลือกที่จะเติมไลโคปีนลงไปจึงสามารถเคลมได้ว่ามีไลโคปีนอยู่ 60 มก.
ตั้งแต่ 1899 *ที่มา:Intage SRI+ / ช่วงเวลา: เดือนมกราคมถึงธันวาคม ค. ศ. 2020 /ตามจำนวนเงินตราพื้นที่เป้าหมาย:ทั่วประเทศประเภทธุรกิจเป้าหมาย:ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายยา และ ร้านต่อเติมตกแต่งบ้านอื่น ๆ:ประเภทอาหารแห้ง อาหารแช่เย็น และ เครื่องดื่มผักและผลไม้ ผู้นำเข้า *สนใจขายผลิตภัณฑ์ Kagome โปรดติดต่อเรา
มีรีวิว หรือ How to อะไรเอามาแชร์กัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ JEBAN COMMUNITY ได้ง่ายนิดเดียว เริ่มเขียนเลย
น้ำมะเขือเทศ "ดอยคำ VS คาโกเมะ" เฮ่นโล่ๆๆๆ ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของ "เอะอะรีวิว" น๊ะจ๊ะทุกคน วันนี้ตามหัวข้อเลย เราจะมารีวิวน้ำมะเขือเทศทั้งสองยี่ห้อแบบง่าย นั่นคือยี่ห้อ ดอยคำ และ คาโกเมะ -ทำไมถึงรีวิวแค่2ยี่ห้อนี้ยี่ห้ออื่นๆหละ? = ก็เซเว่นบ้านดิฉันมีแค่สองยี่ห้อนี้เมี๊ยะ และอีกอย่าง น้ำมะเขือเทศใช้เงินซื้อน๊ะเครอะ ไม่ใช่เดินเข้าไปหยิบแล้วเดินออกมาฟรี เอาหละเข้าสู่การรีวิวกันเลย ก่อนอื่นต้องขอบอกวัตถุประสงค์ของดิฉันก่อน คือดิฉันเป็นคนที่ดูแลเรื่องผิวพรรณมาก เพราะมีปัญหาค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่เด็กก็เป็นโรคน้ำเหลืองไม่ดี จะเป็นแผลๆเต็มขาเต็มแขนเลย พอโตขึ้นมาก็เป็นสิวง่าย จนมีช่วงนึงเผล๋อไปใช้ครีมสเตียรอยด์ ยิ่งหนักเข้าไปอีก (ตรงนี้เราจะไม่พูดถึงระกันไปตามอ่านบทความเก่าๆได้ในเพจนะ) คือสิวเราก็ขึ้นๆลงๆอยู่เป็นระยะๆ จนพักหลังๆมาเป็นสิวที่คาง และได้ลองสรุปสาเหตุที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้คร่าวๆมาให้ดูกันดังนี้ 1. พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก มัวแต่คุยกะผู้ชาย = แก้โดยนอนเร็วขึ้น หรือไม่ก็ทานสมุนไพรที่ทำให้หลับลึกหลับสบายและหลับเร็ว 2. ความเครียดสะสม (เห็นอย่างงี้ฉันก็มีเรื่องเครียดนะเหว๋ย) =แก้โดยหยุดเครียด แหมๆทำง่ายเนอะ ฉันก็อาศัยคุยกับเพื่อนๆในเฟสไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้กำจัดความเครียดออกไปได้แต่อย่างใด 3.
อินุยาฉะ (Inuyasha) เด็กหนุ่มลูกครึ่งปีศาจผู้มีเลือดผสมจากจอมปิศาจจิ้งจอกเงินและมารดาผู้เป็น เจ้าหญิงชาวมนุษย์ชื่ออิซาโยอิ เกิดในคืนจันทรุปราคา เป็นคนปากไว มุทะลุ เกลียดการพ่ายแพ้ ขี้เก๊ก โลเล แถมยังไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่ว่ามีจิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น แรกเริ่มอินุยาฉะต้องการลูกแก้วสี่วิญญาณเพื่อจะเป็นปิศาจที่สมบูรณ์ดังเช่น ครึ่งอสูรคนอื่นๆ และชอบพออยู่กับคิเคียว มิโกะผู้รักษาลูกแก้ว ต่อมาถูกนาราคุทำให้ผิดใจกันจนถูกคิเคียวยิงด้วยธนูปิดผนึกให้หลับไหลอยู่ ข้างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นานถึง 50 ปี ต่อมาเขาได้พบกับ? คาโกเมะ สาวน้อยผู้เป็นร่างใหม่ของคิเคียวในชาติที่แล้วมาปลดผนึกให้ ทั้งคู่จึงตกลงใจมาร่วมกันรวบรวมเศษลูกแก้วและต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจอย่าง นาราคุ อินุยาฉะมีดาบเขี้ยวอสูรซึ่งตีมาจากเขี้ยวของบิดาเป็นอาวุธประจำกาย ใช้เพื่อปกป้องตนเองและผนึกสัณชาตญาณปีศาจซึ่งจะตื่นขึ้นมาในเวลาที่เกิด อันตรายถึงชีวิต โดยมีท่าไม้ตายคือ? แผลแห่งลม และ? พลังไหลระเบิด (บทพากย์ฉบับโมเดิร์นไนน์การ์ตูนใช้ชื่อว่า พลังคลื่นระเบิด) ที่จะจบชีวิตศัตรูได้ในการจู่โจมแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ทว่าอินุยาฉะจะไม่มีพลังปิศาจและกลายเป็นมนุษย์ในคืนที่พระจันทร์หายลับไป จากท้องฟ้า จุดอ่อนคือ เดือนดับ อาหารรสจัด กลิ่นเหม็น น้ำตาผู้หญิง และคำว่า "นั่งลงเดี๋ยวนี้" ของคาโกเมะ ฮิคุราชิ คาโกเมะ?