มีกลยุทธ์มากมายในหลากหลายตำราการตลาด ให้เราได้เลือกใช้ ให้เหมาะสมกับแคมเปญและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ วันนี้ Marketing You Know?
Strategy กลยุทธ์การตลาด การตั้งเป้าหมายนั้นง่าย แต่ไปให้ถึงนั้นยาก ดังนั้นการมีกลยุทธ์คือการวางแผนให้คุณชนะตลาด แบบใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด แต่ได้ผลลัพธ์สูงสุด ส่วนนี้แหละ ที่นักการตลาดส่วนใหญ่มักจะข้ามไป หรือเข้าใจผิดกันเยอะ อาจจะเป็นเพราะการให้เรียนและความรู้ส่วนใหญ่ มุ่งเน้นเรื่องเครื่องมือการตลาดต่างๆ สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่า Tactics ซึ่งทุกคนจะนึกถึงง่ายกว่า เพราะจับต้องได้ แต่ Market Strategy ต้องมาจากการวิเคราะห์ตลาดอย่างลึกซึ้งก่อน เพื่อหาวิธีชนะตลาดตามเป้าหมายของคุณ ทำไมต้องมี Market Strategy? 2. 1) คุณรู้วิธีชนะ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงแข่ง: เพราะก่อนวาง Market Strategy คุณต้องผ่านการวิเคราะห์ 3 สิ่งต่อไปนี้มาแล้ว และเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง นั่นก็คือ Consumer Blackbox เข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง = โอกาสของธุรกิจ Our Core Competency จุดแข็ง จุดอ่อนของแบรนด์คุณ ในมุมมองของลูกค้าคุณ = เพื่อสร้าง Profitable Growth ได้ Competitive Landscape การเข้าใจจุดอ่อน จุดแข็งของคู่แข่งขันในสายตาลูกค้าคู่แข่ง = เพื่อหาวิธีชนะคู่แข่งอย่างมีกลยุทธ์ ดังนั้นถ้าคุณได้วิเคราะห์ตลาดมาแล้ว คุณก็จะเห็นวิธีการชนะ ตั้งแต่ยังไม่ลงสนามรบเลย ดีกว่าไปตายเอาดาบหน้า แล้วทุ่มงบการตลาดเรื่อยๆแบบไร้เป้าหมาย 2.
ตั้งเป้าหมายของ Online Marketing Campaign พิจารณาเครื่องมือการตลาดที่จำเป็นต้องใช้ ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่า Online Marketing Campaign จะต้องสัมพันธ์กับเป้าหมายหลักของบริษัทด้วย ควรไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หากบริษัทคุณต้องการเพิ่มยอดขายทางออนไลน์ขึ้น 10% ตัว Online marketing campaign จะเป็นการสร้าง Traffic ไปที่เว็บไซต์เพื่อให้ได้ Leads มากที่สุด 4. พิจารณาเครื่องมือการตลาด และ Digital Media ที่จำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Instagram, YouTube แต่ละ Media มีการตอบสนองต่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น การซื้อโฆษณาบน Google เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่ ค้นหา Keyword ที่ซื้อไว้มาเจอโฆษณาของคุณ การซื้อโฆษณาประเภทนี้เหมาะกับกลุ่มสินค้าบริการที่คนต้องการให้ผู้บริโภคมาหาข้อมูลได้และรับความรู้ หรือมากกว่านั้นใช้สำหรับทำการขายจากหน้าเว็บไซต์นั้นเลยก็ทำได้ 5. ใช้เครื่องมือสำหรับวัดผลแคมเปญต่างๆ ดูว่าแคมเปญที่คุณทำไปมีประสิทธิภาพหรือไม่ คุ้มค่ากับการลงทุนโฆษณาหรือเปล่า คุณภาพของงานที่ดีต้องดูที่ผลลัพธ์และสิ่งที่จะประเมินผลลัพธ์ได้ก็คือตัวชี้วัดต่างๆ ระหว่างหรือหลังแคมเปญควรติดตามผลเสมอ เพื่อจะได้วิเคราห์และ Optimize ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หากไม่มีการวัดผลก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณภาพงานจะออกมาตามที่คุณคาดหวังไว้หรือไม่ หากคุณเป็นแบรนด์สินค้าบริการที่กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing Strategy สามารถติดต่อเรามาได้ >> ที่นี่ <<
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ายุคสมัยใหม่นี้ Digital marketing strategy เป็นตัวแปรสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทั้งธุรกิจและผู้บริโภคเองเข้าสู่โหมดออนไลน์กันทั้งนั้น ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นที่คุณต้องทำคือเข้าหากลุ่มคนเหล่านี้ให้ได้มากกที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด กลยุทธ์ทางการตลาดดิจิตอล ( Digital Marketing) คืออะไร? พูดง่ายๆ กลยุทธ์นี้เป็นเหมือนแผนงานที่ทำต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการตลาดที่ตั้งไว้โดยผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น บริษัทของคุณต้องการเพิ่มจำนวน Lead ให้มากกว่าปีที่แล้ว 20% คุณต้องมาดูว่าจะวางแผนทำอย่างไร ตอนนี้มาดูวิธีการสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ดีกว่าว่าทำได้อย่างไรบ้าง 1. รู้จักสินค้าของตัวเองและคู่แข่ง เข้าใจสินค้าและบริหารของตัวเอง รู้จักจุดอ่อนจุดแข็ง และไม่ลืมสำรวจคู่แข่งด้วย นอกจากนี้ยังควรดูข้อได้เปรียบในเชิงแข่งขันเช่นกัน และดูการเขาทำการตลาดไปในทิศทางไหนและมีกลยุทธ์อะไร 2. รู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายหลักต่อสินค้าและบริการ สามารถทำได้โดยการทำ Market Research หรือทำ Survey ต่างๆ เพื่อให้ได้ Insight ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Demographic, Behavior, Interest, Income and Job title หรือ Location เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการทำการตลาดไปถึงผิดกลุ่มเป้าหมายหรือผิดทิศทาง 3.
อันนี้เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด จริงไหมคะ? จริงๆแล้ว strategy ยังมีแยกย่อยได้อีกหลายแบบนะคะ เช่น Product Strategy, Communication Strategy, Brand Strategy, Innovation Strategy, Experience Design Strategy เป็นต้น แต่ใช้แนวคิด Winning Zone นี้ไปประยุกต์ใช้ได้ 3.
2 เปลี่ยน Subject กระตุ้นการเปิดอ่าน หัวข้อเรื่องของอีเมลเป็นด่านแรกที่สำคัญต่อการตัดสินใจเปิดอ่านของผู้รับมากที่สุด จึงควรมีการตั้งหัวข้อที่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และหลีกเลี่ยงข้อความที่ไร้สาระ และควรมีการกระตุ้นความสนใจของผู้รับด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การใช้ตัวเลขสัญลักษณ์หรืออิโมจิ, ตั้งชื่อหัวข้อด้วยการตั้งคำถาม, ใช้ข้อความที่สั้น กระชับ และพอดีกับการแสดงผลหน้าจอแต่ละรูปแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน หรือดึงดูดสนใจด้วยการนำ Personalised มาใช้ประโยชน์ โดยการใส่ชื่อเล่นหรือชื่อจริงของคนรับทำให้รู้สึกถึงความใส่ใจในการส่งให้เฉพาะเขาเท่านั้น 3. 3 สร้างเนื้อหาอีเมลให้มีคุณค่า หลังจากดึงดูดความสนใจของผู้รับด้วยหัวข้อเรื่องจนทำให้เขาเข้ามาอ่านได้แล้ว เนื้อหาของอีเมลควรมีประเด็นหรือรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้รับเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสารจริงๆ ด้วยข้อความที่อ่านง่ายและจริงใจ ซึ่งส่วนนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์หรือองค์กรของคุณ นอกจากจะบอกข้อมูลที่ต้องการสื่อสารได้อย่างตรงประเด็นแล้ว อาจจะสร้างความประทับใจต่อด้วยการใช้ข้อเสนอในการมอบของรางวัลบางอย่างที่เป็นเหมือนสิทธิพิเศษ หรือแทนคำขอบคุณสำหรับพวกเขาเท่านั้น เช่น การแจกไฟล์ E-Book เนื้อหาที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ หรือมอบส่วนลดพิเศษต่าง ๆ 4.