ตรวจเช็คสภาพยางรถยนต์ ยางรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการขับขี่ในหน้าฝนมากที่สุด ผู้ขับขี่จึงต้องตรวจเช็คยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยอายุการใช้งานของยางไม่ควรเกิน 2 ปี หรือที่ระยะทางประมาณ 50, 000 กม. และควรสับเปลี่ยนยางรถยนต์ที่ระยะทาง 10, 000 กม. โดยยางที่ดีจะต้องไม่แข็ง และมีความลึกดอกยางมากกว่า 2 มิลลิเมตรขึ้นไป ที่มา:
ค่าจัดโอน มีให้เลือกชมเพียบ เปิดบริการทุกวัน อยากซื้อรถคุณภาพเยี่ยม มาซื้อกับ CARRO Automall สิ! เราพร้อมตอบโจทย์คุณด้วยคอนเซปต์ "" คุณสามารถจองรถได้ในเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น! พร้อมคำนวณสินเชื่อและค่างวด ได้ภายในเว็บไซต์ทันที! ซึ่งรถทุกคันผ่านการตรวจสภาพแบบ Double Check มากกว่า 200 จุด และยังมีเทคโนโลยี "360 View & Sound Engine Analysis" ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในการดูรถเสมือนจริง เป็นรายแรกของธุรกิจรถมือสองในประเทศไทย คุณสามารถดูรูปรถ Mazda2 ทั้งภายนอก ภายใน กันได้แบบ 360 องศา รวมถึงยังสามารถฟังเสียงเครื่องยนต์จากรถคันที่คุณสนใจได้อีกด้วย! เพราะเรามั่นใจในคุณของรถยนต์ทุกคัน เราจึงกล้ารับประกันคุณภาพรถนานถึง 2 ปี หรือ 20, 000 กิโลเมตร! อีกทั้งยังการันตีความพึงพอใจ คืนเงินได้ภายใน 5 วันอีกด้วย! ซื้อรถคุณภาพเยี่ยม ต้องที่ CARRO Automall สิ! สำหรับใครที่อยากขายรถคันเดิมตอนนี้ หรือกำลังตัดสินใจจะซื้อรถป้ายแดงอยู่พอดี แต่งบไม่พอ! มาขายรถกับ CARRO Express สิ! Inbox มาขอรายละเอียดได้ที่ Facebook -> CARRO Thailand และ Add Line สอบถามรายละเอียดได้เช่นกัน ที่ @carrothai
ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม สาเหตุหลักของฝ้ากระจกรถก็คืออุณหภูมิภายในห้องโดยสารและภายนอกไม่สัมพันธ์กัน เพราะฉะนั้นหากเกิดปัญหาฝ้าขึ้นมาเมื่อไร วิธีแรกที่เราควรทำก็คือการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศภายในรถให้เหมาะสมและสัมพันธ์กับอากาศภายนอก โดยให้ใกล้เคียงกันหรือต่างกันไม่เกิน 1-2 องศาเซลเซียส ก็จะทำขจัดฝ้าให้หมดไปได้ 2. ลดกระจกเพื่อปรับอุณหภูมิ นอกจากการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในรถแล้ว อย่าลืมลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อให้อากาศจากภายนอกไหลเวียนเข้าสู่ภายในตัวรถด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการปรับอุณหภูมิภายในและภายนอกให้สัมพันธ์กันนั่นเอง 3. เปิดที่ปัดน้ำฝน การใช้ที่ปัดน้ำฝนเพื่อทำความสะอาดกระจกหน้าและหลัง ก็เป็นการไล่ฝ้ากระจกที่เกิดจากภายนอกได้ดี แต่วิธีนี้สามารถทำความสะอาดได้เฉพาะฝ้าบริเวณกระจกหน้าและกระจกหลังเท่านั้น ส่วนฝ้าบริเวณประตูข้างให้ใช้วิธีเลื่อนกระจกลงจนสุดแล้วเลื่อนกลับขึ้นไปตามเดิมก็จะช่วยลดความหนาของฝ้าลงได้เช่นกัน 4. เปิดระบบไล่ฝ้า อย่าลืมใช้เทคโนโลยีภายในรถของเราให้เกิดประโยชน์ เมื่อเกิดฝ้ากระจกขึ้นมาเมื่อไร ให้เรากดเปิดระบบไล่ฝ้าได้เลย โดยเฉพาะฝ้าที่เกิดบริเวณกระจกหลัง เพราะความร้อนที่ระบบปล่อยออกมาตามเส้นลวดที่กระจกหลังของรถจะช่วยลดฝ้าที่เกิดขึ้นได้ 5.
อ่านเร็วๆ ระดับความแรงของฝนเราแบ่งได้แบบง่ายๆ คือ ฝนตกเล็กน้อย, ฝนตกหนัก และฝนตกหนักมากพร้อมลมแรง 5 เทคนิกสุดยอดปลอดภัยในการขับรถเมื่อฝนตก คือ 1. เปิดที่ปัดน้ำฝนระดับปานกลาง เพื่อให้มองเห็นเส้นทางในการขับรถ 2. เปิดไฟหน้ารถ เพื่อให้ไฟท้ายทำงานรถคันที่ขับตามเรามาจะได้กะระยะห่างรถได้ถูก และการเปิดไฟหน้ารถทำให้เรามองเห็นได้ดียิ่งขึ้น 3. ลดความเร็วลงและเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เพื่อระยะการเบรคที่มากขึ้นจากถนนเปียกและลื่น 4. ไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เพื่อเวลาใช้ไฟเลี้ยวรถคันอื่นจะได้ทราบว่าเราต้องการเลี้ยว 5.
เมื่อไหร่ที่ภายในรถยนต์มีอากาศร้อนกว่าภายนอก กระจกจะเกิดฝ้าขึ้นภายในรถ 2. หากอุณหภูมิภายนอกรถมีอากาศร้อนกว่าภายในรถยนต์จะเกิดฝ้าบนกระจกข้างนอกรถ วิธีแก้ไข 1. ใช้ที่ปัดน้ำฝนปัดไล่ก็จะสามารถช่วยลดฝ้าและความมัวได้ในระดับนึง แต่หากใช้ที่ปัดน้ำฝนแล้วรู้สึกถึงความฝืดเพราะบนกระจกไม่มีความชื้นมากพอ ให้ฉีดน้ำยาออกจากที่ปัดน้ำฝนก่อน แล้วจึงใช้ที่ปัดน้ำฝนไล่ฝ้า 2. เปิดปุ่มไล่ฝ้าของรถยนต์ สำหรับรถยนต์หลายคันที่มีแผงวงจรไล่ผ้ากระจกรถทำให้คุณได้รับความสะดวกในการเช็ดฝ้า โดยปุ่มไล่ฝ้าของรถสามารถควบคุมได้จากบริเวณที่นั่งของคนขับ ไม่ต้องหยุดรถแล้วออกไปเช็ดเองให้เสียเวลา ข้อควรระวังเพียงการใช้มีอย่างเดียวนั่นคือ คุณควรระวังไม่ให้กระจกเกิดความร้อนมากจนเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้กระจกร้าวได้ ควรใช้งานเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น 3. เปิดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้ลมจากด้านนอกเข้ามาด้านในรถยนต์ได้ วิธีนี้เหมาะกับช่วงที่คุณขับรถแล้วไม่มีฝนตกและอากาศภายนอกไม่มีฝุ่นควัน โดยการลดกระจกด้านใดด้านหนึ่งลงเล็กน้อย จะทำให้อากาศจากภายนอกสามารถเข้ามาภายในตัวรถได้โดยง่าย ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้อุณหภูมิภายในใกล้เคียงกับภายนอกรถยนต์มากที่สุด 4.
ฝ้าขึ้นกระจกรถ เกิดจากอุณหภูมิภายนอก และภายในรถไม่สัมพันธ์กัน ส่วนใหญ่มักเกิดช่วงที่ฝนตก หรืออุณหภูมิภายนอกเย็นลงรวดเร็ว ส่งผลให้ทัศนวิสัยไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ "MR. MOTOR EXPO" มีวิธีแก้มาฝาก 1. ปรับอุณหภูมิใกล้เคียงกัน หากฝ้าเริ่มขึ้นกระจกรถ ให้ปรับอุณหภูมิภายในรถ ให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายนอกรถ โดยควรมีอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกัน 2. เตรียมผ้าแห้งเช็ดกระจก ในระหว่างรอให้อุณหภูมิด้านในรถ และด้านนอกรถใกล้เคียงกัน เราสามารถใช้ผ้าแห้งที่เตรียมมา เช็ดฝ้าที่ขึ้นกระจกได้ 3. ไม่ปรับช่องแอร์ไปที่กระจก ปกติแล้วเมื่อเราหนาว มักปรับทิศทางลมให้ออกจากตัว และหากไปโดนกระจกจะทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้ แนะนำให้ปิดช่องลมไปเลย ในรถส่วนใหญ่จะมีสวิทช์ควบคุมอยู่ 4. เปิดสวิทช์ไล่ฝ้า หากเกิดฝ้าที่กระจกรถ ให้เปิดสวิทช์ "ไล่ฝ้า" ได้เลย (รถส่วนใหญ่ในบ้านเรามีไล่ฝ้าที่กระจกหลัง) และควรปิดสวิทช์ทันทีที่ฝ้าหาย ห้ามเปิดทิ้งไว้เด็ดขาด
เปิดที่ปัดน้ำฝน ในกรณีที่ฝนตกแล้วกระจกหน้ารถเป็นฝ้า ให้เปิด ที่ปัดน้ำฝน ไปมา ก็จะช่วยทำให้ฝ้าบนกระจกหน้ารถหายไปได้ 2. ปรับเพิ่ม- ลดความเย็นแอร์ การปรับอุณหภูมิภายในรถก็ช่วยลดฝ้าที่เกาะบนกระจกได้ แนะนำให้ปรับเพิ่มหรือลดความเย็นของ แอร์รถยนต์ เพื่อให้อุณหภูมิภายในกับภายนอกรถใกล้เคียงกัน 3. ปรับทิศทางช่องลมและความแรงลม หากฝ้าเกาะบนกระจกข้างรถ อาจเป็นเพราะช่องลมหันเข้าหากระจกโดยตรง แนะนำว่าให้ปรับทิศทางช่องลมและความแรงลม ไม่ให้พัดโดนกระจกมากไป 4. เปิดกระจกรถแง้มไว้ อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ นั่นก็คือการเปิดกระจกรถแง้มไว้หรืออาจเปิดกระจกหมดเลยก็ได้ เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิภายในกับภายนอกรถให้ใกล้เคียงกัน แต่ก่อนเปิดกระจกก็ควรรอให้ฝนหยุดตกก่อนนะ ไม่เช่นนั้นฝนอาจสาดเข้ามาในห้องโดยสารได้ 5. กดปุ่มเปิดรับอากาศจากด้านนอก หมุนปรับสวิตช์เปิดรับอากาศจากด้านนอก ให้อากาศจากภายนอกเข้ามาในห้องโดยสาร แต่การเปิดรับอากาศจากภายนอกก็อาจทำให้ช่องแอร์อุดตันจากสิ่งสกปรกอื่นๆ ได้ 6. กดปุ่มไล่ฝ้า หากกระจกรถด้านหลังเป็นฝ้า สามารถกดปุ่มไล่ฝ้าได้ โดยเส้นไล่ฝ้าที่ติดตั้งอยู่ที่กระจกหลัง จะเป็นเส้นลวดที่ทำมาจากนิกเกิลหรือทองแดง ฝังอยู่บนผิวหน้าของกระจก เมื่อกดปุ่มไล่ฝ้า กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านไปที่ขดลวด ก่อให้เกิดความร้อนที่กระจก ทำให้ฝ้าบนกระจกรถค่อยๆ ระเหยไป และสามารถมองผ่านกระจกได้ชัดเจน 7.
การเปิดที่ปัดน้ำฝน ในยามที่ฝนตกที่ปัดน้ำฝนเปรียบเสมือนสายตาของเราเลยนะคะ เพราะจะช่วยให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางบนถนนในขณะที่กำลังขับรถฝ่าฝน ซึ่งการใช้ที่ปัดน้ำฝนมีหลายแบบตามลักษณะที่ฝนตก เช่น หากฝนตกปอย ๆ หรือไม่หนักมาก เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้งแล้วหยุดได้ค่ะ แต่การขับรถตอนฝนตกหนัก อาจจะต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลานะคะ เพื่อทัศนียภาพที่ชัดเจนในการขับขี่ค่ะ 3. การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อฝนตก น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นถนนนั้น จะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันที่อยู่บนถนน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนลื่น ดังนั้น เราจึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติในการขับขี่เป็น 2 เท่า เพื่อทำให้ระยะเบรกของเรา สามารถหยุดรถได้ทัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ขณะที่เรากำลังขับรถฝ่าฝน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนค่ะ 4. ความเร็วในการขับขี่ เคยได้ยินคำว่าฝนตกถนนลื่นไหมคะ? บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยน้ำฝน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ฝนกำลังตกอาจจะเป็นอุปสรรคในการมองถนน ขณะขับรถฝ่าฝน หรือ ฝนที่หยุดตกไปแล้ว แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยของน้ำฝนที่ทำให้ถนนลื่นอยู่ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างยากลำบาก เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงฤดูฝน เราควรที่จะรักษาความเร็วในการขับขี่ อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะคะ เพราะเป็นความเร็วที่เราจะสามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถล ขณะฝนตกและเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนค่ะ 5.
ฝ้ากระจกตอนฝนตก แก้ได้ด้วยวิธีเหล่านี้!