ไข้หวัดใหญ่เอเชีย โรคระบาดในปี พ. 2499-2501 (1965-1967) ไข้หวัดใหญ่เอเชีย (Asian Flu) เป็นการระบาดรุนแรงครั้งใหญ่ของเชื้อไข้หวัดกลุ่มเอ (เอช2 เอ็น2) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากจีนเมื่อปี 2499 และมาหยุดระบาดเมื่อปี 2501 ในระยะเวลา 2 ปีนี้เอง ไข้หวัดใหญ่เอเชียลุกลามจากกลุ่มชาวจีนในมณฑลกุ้ยโจว ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐ ตัวเลขคาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่นี้ของแต่ละแหล่งแตกต่างกันออกไป บางแหล่งคาดว่าสูงถึง 4 ล้านคน แต่ WHO ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตไว้ที่ราว 2 ล้านคนทั่วโลก ในจำนวนนี้เกือบ 70, 000 คนอยู่ในสหรัฐอเมริกา 5. ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง โรคระบาดในปี พ. 2511 (1968) โรคไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (Hong Kong Flu) ซึ่งเกิดจากเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ เอช3 เอ็น2 ถูกพบครั้งแรกในเกาะฮ่องกงเมื่อเดือน ก. ค. 2511 ก่อนลุกลามไปยังเวียดนามและสิงคโปร์ใน 3 เดือน และขยายวงไปยังอินเดีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ยุโรป แอฟริกา อเมริกาใต้ และสหรัฐ เชื้อไข้หวัดนี้ซึ่งกลายพันธุ์จากโรคไข้หวัดใหญ่เอเชียที่ระบาดก่อนหน้าราว 10 ปี เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์น้อยกว่า เมื่อเทียบกับไข้หวัดสเปนและไข้หวัดเอเชีย และแม้จะมีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำเพียง 5% แต่ก็ทำให้ประชากรโลกเสียชีวิตไปกว่า 1 ล้านคน สำหรับในฮ่องกง จุดเริ่มต้นการระบาด มีผู้ป่วยมากถึง 500, 000 คน หรือคิดเป็น 15% ของประชากรฮ่องกงในเวลานั้น 6.
อหิวาตกโรค โรคระบาดในปี พ. 2363 (1820) อหิวาตกโรค (Cholera) หรือที่เรียกว่า "โรคห่า" บ้างก็เรียกโรคป่วง บ้างเรียกโรคลงราก ได้ระบาดไปยังประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 2 ในปี พ. 2363 ที่มีการระบาดจากอินเดีย เข้ามาไทย ผ่านทางปีนัง ทำให้มีคนตายจำนวนมาก ถนนหนทางเกลื่อนกลาดเต็มไปด้วยซากศพ ประชาชนอพยพหนีออกจากเมืองด้วยความกลัว การระบาดครั้งนี้มีคนตายในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียงประมาณสามหมื่นคน ทั่วโลกประมาณหนึ่งแสนคน มีความรุนแรงและลุกลามจนคร่าชีวิตผู้คนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ช่วงปลายรัชกาลที่ 3 อหิวาตกโรคระบาดขึ้นที่กรุงเทพฯเป็นช่วงเวลาราวหนึ่งเดือน หนังสือพิมพ์ข่าวภาษาอังกฤษได้รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตกว่าห้าพันคน จนกระทั่ง พ. 2416 ช่วงต้นรัชกาลที่ 5 อหิวาตกโรคได้กลับมาระบาดอีกครั้ง และเวลาเพียงเดือนเศษหนังสือพิมพ์ ข่าวภาษาอังกฤษได้รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกมากถึง 6, 660 คน ว่ากันว่าสถานการณ์นี้ นอกจากเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่วิชาการแพทย์สมัยใหม่ยังไม่ดีนัก และความรู้ด้านสุขอนามัยยังไม่แพร่หลาย อีกประการหนึ่งที่เป็นต้นทางของ "อหิวาตกโรค" ก็คือ กฎเกณฑ์ในการสัญจรข้ามประเทศที่ยังหละหลวม จนใครต่อใครสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้มีชาวต่างประเทศพาโรคติดต่อเข้ามาโดยไม่รู้ตัว 3.
ศ. 2363 ที่เริ่มจากอินเดียผ่านมาทางปีนัง เข้ามาถึงสมุทรปราการและพระนคร โปรดฯ ให้ตั้งพิธีขับไล่โรคขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เรียกว่า "พิธีอาพาธพินาศ" มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดคืน อัญเชิญพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุออกแห่และโปรยพระพุทธมนต์ตลอดทาง แต่ด้วยเวลานั้นยังไม่มีวิธีรักษาและรู้จักการป้องกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 3 หมื่นคน หลังจากนั้น 2 ปี มีการระบาดอีกครั้งในพระนคร แต่ไม่ร้ายแรงเท่าการระบาดปี 2363 ครั้งนี้มีพระเจ้าน้องยาเธอสิ้นพระชนม์พระองค์หนึ่งด้วย ปลายสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดอหิวาตกโรคระบาดใหญ่ในปี พ. 2392 ที่เรียกกันว่า "ห่าลงปีระกา" หนนี้เป็นการระบาดทั่วโลกครั้งที่ 2 นอกจากที่สมุทรปราการและพระนคร ยังระบาดไปยังเมืองต่างๆ อีกหลายแห่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 4 หมื่นคน <-------------> มีบันทึกว่าในพระนครมีศพจำนวนมากจนเผาไม่ทัน ต้องวางกองกันอยู่ในวัดต่างๆ และเกลื่อนกลาดตามถนนหนทาง ประชาชนต้องอพยพหนีออกจากเมืองด้วยความหวาดกลัว ในสมัยรัชกาลที่ 4 อหิวาตกโรคระบาดขึ้นอีกครั้งเมื่อปี พ. 2403 ตรงกับการระบาดทั่วโลกครั้งที่ 3 เริ่มเกิดขึ้นที่เมืองตาก แล้วระบาดมาถึงพระนคร แต่ครั้งนี้ไม่รุนแรงนัก สมัยรัชกาลที่ 5 เกิดการระบาดใหญ่ 4 ครั้ง เริ่มจากปี พ.
ระบบทางเดินหายใจ อาจมีอาการเหมือนไข้หวัด ไอ มีน้ำมูกใส เจ็บคอ 2. ทางผิวหนัง 3. ทางระบบประสาท เช่น สมอง เยื่อหุ้มสมอง หรือเนื้อสมองอักเสบ 4. ทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำเล็กน้อย ปวดหัว อาเจียน 5. ทางตา มักพบเยื่อบุตาอักเสบ (chemosis and conjuntivitis) และ 6.
ศ. 2360 - 2366 มีอีกครั้งในรัชกาลที่ 2 คราวนี้มีบันทึกว่ามีคนเสียชีวิตราว 30, 000 คน ครั้งต่อมาในรัชกาลที่ 3 มีคนเสียชีวิต 5, 457 คน อหิวาตกโรคยังระบาดอีกหลายต่อหลายครั้ง อีกครั้งที่ถือว่ารุนแรงที่สุดคือราว พ. 2486 - 2490 ซึ่งอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีผู้เสียชีวิตราว 13, 000 ชีวิต และมีอัตราเสียชีวิตกว่า 68 ปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรคแล้ว จึงไม่มีการระบาดรุนแรงอีก 2. ไข้ทรพิษ: โรคฝีดาษ ถ้าประมาท ถึงตาย "ไข้ทรพิษ" หรือ "โรคฝีดาษ" เป็นโรคติดต่อร้ายแรง อาการคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจเกิดโรคแทรกซ้อนที่ทำให้เสียชีวิตได้ ในไทย ไข้ทรพิษ มีปรากฏครั้งแรกสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยไข้ทรพิษถึง 2 พระองค์ ได้แก่พระบรมราชาที่ 4 และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นอกจากนี้ ช่วง พ. 2460 - 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี เหตุเพราะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เริ่มระบาดจากเชลยพม่า ลุกลามไปยังกลุ่มกรรมกรไทย โดยมีผู้ป่วยมากถึง 62, 837 คน และมีผู้เสียชีวิต 15, 621 คน ในปี พ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้ว จึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค จากนั้นเป็นต้นมา โรคฝีดาษก็ไม่เคยระบาดอีกเลย 3.
5 กรัม ผงฟู 2. 5 กรัม เกลือ potassium chloride 1. 5 กรัมผสมน้ำ 1 ลิตร ยาที่ทำให้หยุดถ่ายไม่แนะนำเนื่องจากทำให้หายช้า การป้องกัน เน้นเรื่องการล้างมือ สำหรับผู้ที่มีอาการถ่ายเหลวหรืออาเจียนให้แยกผู้ป่วยจากคนอื่นอาจจะใช้แอลกอฮอลล์เช็ดมือ
3 คนต่อประชากร 1 แสนคน จาก 6. 64 คนต่อประชากร 1 แสนคนในปีก่อนหน้า บทความนี้ได้ทบทวนงานศึกษาที่ผ่านมาและใช้ประโยชน์จาก 4 ชุดข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลจากทางการที่รายงานโดยกรมสุขภาพจิต ข้อมูลสำรวจสวัสดิการและอนามัยโดยสำนักงานสถิติ ดัชนีสืบค้น Google (Google Search Index) และข้อมูลการคัดกรองด้านสุขภาพจิตจากสถานการณ์โควิดโดยกรมสุขภาพจิต มาช่วยฉายภาพสถานการณ์ด้านสุขภาพจิตของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมถึงประมวลสถานการณ์ความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตของประชากรในช่วงโควิด-19 ซึ่งได้ข้อสรุปที่น่าสนใจ 5 ประการดังนี้ 1.
2416 เกิดการระบาดตรงกับช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกครั้งที่ 4 ครั้งที่สองในปี พ. 2424 ตรงกับช่วงระบาดใหญ่ทั่วโลกครั้งที่ 5 ภายหลังมีการระบาดใหญ่อีก 2 ครั้ง ในปี พ. 2435 และ พ. 2443 แต่ไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ จนหลังปี พ. 2460 ปลายสมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มมีข้อมูลบันทึกจำนวนผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดใหญ่ในประเทศไทยอีก 5 ครั้ง ครั้งที่ 1 ปี พ. 2461-2463 การระบาดของอหิวาตกโรคจากพม่าเข้าภาคเหนือ แล้วแพร่ไปภาคใต้ ภาคอีสาน มีผู้ป่วย 15, 413 ราย เสียชีวิต 13, 518 ราย ครั้งที่ 2 เกิดอหิวาตกโรคคระบาดไปทั่วพระนครและธนบุรี และพื้นที่ 52 จังหวัด กินเวลานาน 5 ปี จากปี พ. 2468-2472 มีผู้ป่วย 21, 591 ราย เสียชีวิต 14, 902 ราย ครั้งที่ 3 ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ระหว่างปี พ. 2478-2480 อหิวาตกโรคระบาดจากพม่าเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี แล้วระบาดไปพื้นที่ 40 จังหวัด มีผู้ป่วย 15, 557 ราย เสียชีวิต 10, 005 ราย ครั้งที่ 4 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี พ. 2486-2490 เกิดอหิวาตกโรคระบาดในหมู่คนงานทำทางรถไฟที่เมืองกาญจนบุรี แล้วแพร่ไป 50 จังหวัด โรคระบาดอยู่นาน 5 ปี มีผู้ป่วย 19, 169 ราย เสียชีวิต 13, 036 ราย ครั้งที่ 5 หลังจากหายไปนาน 10 ปี อหิวาตกโรคกลับมาระบาดระหว่างปี พ.
COVID -19 โรคระบาดในปี พ.