ปัจจุบันการออมหุ้น เป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่เพราะการออมหุ้นนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากประจำในธนาคารถ้าเกิดว่าเราเลือกหุ้นถูกและมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีเราก็จะได้ปันผล 3-5% และยังได้ส่วนต่างๆในราคาเดี๋ยวนี้การฝากชีวิตไว้กับการหารายได้และงานประจำนั้นก็ไม่ค่อยพอใช้สำหรับผู้คนส่วนใหญ่และยังจะต้องประหยัดมากขึ้นอีกทั้งนั้นให้เรามาดูกันว่าการออมหุ้นนั้นคืออะไรและสำหรับผู้ที่กำลังจะเปิดบัญชีออมหุ้นนั้นจะต้องรู้อะไรบ้าง ให้เราดูด้วยการดังต่อไปนี้ การออมหุ้นคืออะไร?
การออมหุ้นนั้นเป็นสิ่งที่สามารถซื้อขายแผนการตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบันและสามารถช่วยเราได้ในเรื่องของการออมหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากประจำในธนาคารซึ่งเราจะต้องเลือกอย่างดีและ ดูว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ดีหรือไม่ การออมพรุ่งนี้ยังบอกกับผู้คนส่วนใหญ่ที่จะต้องไปไหนค่าใช้จ่าย ดังนั้น เรามาดูกันว่า เราจะต้องรู้อะไรบ้างก่อนออมหุ้นดังต่อไปนี้ 1. รายชื่อหุ้นที่สามารถซื้อได้ หุ้นแบบ DCA ปกติแล้วเราก็จะต้องซื้อทุกเดือน ดังนั้นสภาพคล่องในการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและก็จะมีข้อกำหนดเอาไว้ว่าเราจะซื้อหุ้นตัวไหนได้บ้างเราจะต้องไปตรวจสอบเองกับผู้ที่ให้บริการเพราะนักวิเคราะห์คัดสรรหุ้น ที่มีหุ้นกลุ่มใหญ่และหุ้นขนาดรองลงมาจะมีสภาพคล่องสูงและมีอัตราที่เติบโตมากกว่า นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นในกลุ่ม SET50 หรืออีทีเอฟจะมีให้บริการได้ทุกตัวเราจะต้องดูว่าหุ้นที่เราสนใจมีที่ไหนที่เราสามารถไปออมหุ้นได้บ้างเราจะต้องตรวจสอบก่อนทุกครั้ง 2. จำนวนเงินขั้นต่ำในการลงทุน บางคนที่มีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 12, 000 ถึง 15, 000 บาท แต่ขั้นต่ำในการออมหุ้นคือ 1, 000 บาทต่อเดือน ก็จะรู้สึกว่ามันไม่มากเกินไปที่จะเริ่มลงทุนแต่ในส่วนนี้เราต้องเช็คว่ามีการบริการขั้นต่ำเท่าไร เรื่องการบริการขั้นต่ำนั้นเริ่มที่ 1000 บาทและบางที่ก็ 2, 000 บาทจนไปถึง 5, 000 บาทต่อเดือน และนวนหุ้นที่เลือกได้สูงสุด บางที่สามารถเลือกกองทุนได้ถึง 20 ตัวบางทีก็จำกัดไว้แค่ 10 ตัวเท่านั้น ถ้าเกิดว่า กำหนดไว้ไม่เท่ากัน ก็เป็นข้อมูลเผื่อเอาไว้ประกอบการอีกที 3.
กองทุน จะคัดเลือกหุ้นตามหลักเกณฑ์ของกองทุนนั้น ๆ - ราคา NAV ของกองทุน เราจะรู้ได้เมื่อสิ้นวันเท่านั้น - กองทุนแบบ Active ส่วนใหญ่ มักจะเก็บ ค่าธรรมเนียมสูง แต่ผลการดำเนินงานของกองทุนกลับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร บัญชี ออมหุ้น - หรือ เรียกอีกชื่อนึงว่า "โปรแกรมออมหุ้น".. เป็นการซื้อหุ้นเข้าพอร์ตของเราแบบอัตโนมัติทุก ๆ เดือน โดยจะทำการใช้กลยุทธ์ในการซื้อแบบถัวเฉลี่ย DCA.. โดยทางโบรกเกอร์จะทำการตัดเงินในบัญชีออมทรัพย์ของเรา (ที่เราผูกไว้กับโบรกเกอร์) ทุก ๆ เดือน เพื่อทำการซื้อหุ้น.. ซึ่งราคาหุ้นที่ซื้อให้เราโดยอัตโนมัตินี้ จะเป็นราคาหุ้นแบบ ATO ซึ่งบัญชีออมหุ้น หรือ โปรแกรมออมหุ้น.. ณ. ตอนนี้ มีให้บริการเพียง 2 โบรกเกอร์เท่านั้น คือ - บล.. "Easy Wealth Builder".. - บล.
การที่เรามีความสนใจในธุรกิจใดๆ และมองว่าธุรกิจนั้นน่าจะมีความสามารถในการทำกำไรสูง มีการเติบโตที่ดี แต่ครั้นจะไปเปิดธุรกิจนั้นด้วยตนเอง ก็ต้องใช้ประสบการณ์ ใช้คนมากมายในการทำงาน เราก็แก้ปัญหาง่ายๆ ครับ ด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจนั้นอยู่สิ! เพราะเค้ามีทั้งประสบการณ์ บุคลากร และระบบการจัดการที่เยี่ยมยอด เพียงแค่เราเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทนั้น เราก็ถือว่าเป็นเจ้าของกิจการนั้นแล้ว แต่การเดินดุ่มๆ เข้าบริษัทไปขอซื้อหุ้นเค้า ก็คงจะพิลึกพิลั่นไม่น้อยครับ ผมเลยขอเสนอตัวกลาง สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทต่างๆ ซึ่งตัวกลางนี้ก็คือ "ตลาดหลักทรัพย์" หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ตลาดหุ้น" นั่นเอง ครับ!! การจะเข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้นได้ ต้องผ่านด่าน "โบรกเกอร์" หรือ บริษัทหลักทรัพย์ ที่เปิดให้บริการเราอยู่ โดยเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์นั้น แล้วเอาเงินเข้าไปฝากในบัญชีของเรา ก็จะสามารถทำการซื้อขายหุ้นในตลาดนี้ได้แล้ว และข้อดีของการลงทุนในตลาดหุ้น ก็คือ มีสภาพคล่องสูงครับ ตลาดหุ้นช่วยให้เราสามารถแปลงหุ้นเป็นเงิน ขายหุ้นหนึ่ง ซื้อหุ้นสอง หรือฝากเงินเข้า ถอนเงินออกได้ง่ายๆ บางท่านใช้ตลาดหุ้นเป็นกระปุกออม ออมในหุ้น ฝากเงินทุกเดือน ลงทุนเพิ่มได้ทุกเดือน หรือบางท่านใช้ตลาดหุ้นเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยง แบ่งเงินมาลงทุนระยะสั้น หรือระยะยาว ให้เงินสร้างเงินต่อไปอีกครับ
ตัดสินใจซื้อ – ขายหุ้น เมื่อศึกษาวิเคราะห์ภาพรวมการลงทุนมาอย่างดีแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดบัญชีหุ้น ซึ่งต้อง เลือกโบรกเกอร์หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เหมาะสมกับตนเอง ในส่วนของเอกสารที่ใช้เปิดบัญชี มีดังนี้ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน เมื่อมีบัญชีแล้ว จึงจะสามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นได้โดยผ่าน 2 ช่องทาง คือ ส่งคำสั่งผ่านผู้ติดต่อผู้ลงทุน (Investment Consultant) และส่งคำสั่งแบบออนไลน์ด้วยตนเอง (Internet Trading) 5. ติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ การวิเคราะห์และวางแผนการซื้อขายในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอเพราะตลาดหุ้นเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง จึง ต้องหมั่นตรวจสอบอัตราผลตอบแทนแท้จริงกับอัตราผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ เป็นประจำ ทุก 3 – 6 เดือน เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะศึกษาข้อมูลการเล่นหุ้นมาอย่างดีแล้ว แต่ตลาดหุ้นก็มีความผันผวนสูง อาจมีปัจจัยที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและไม่อยู่ในความคาดหมาย เช่น ผลกระทบของเศรษฐกิจจากภัยธรรมชาติ เป็นต้น ดังนั้นเงินที่ใช้ในการเล่นหุ้นควรเป็น "เงินเย็น" หรือเงินที่เราจะไม่เดือดร้อนเมื่อเสียไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง
แล้วหุ้นที่เราซื้อขายในตลาดหุ้น มันมาจากไหน!? มันก็มาจากบริษัททั่วไปนี่แหละครับ นำบริษัทเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น ด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป บางบริษัทมาระดุมทุนเอาไปใช้หนี้ บางบริษัทระดมทุนไปขยายกิจการ บางบริษัทระดมทุนไปซื้อเครื่องมือใหม่ เป็นต้น ทีนี้.. ถามว่าทำไมต้องมาแบ่งหุ้นในบริษัท ให้คนอื่นเป็นเจ้าของด้วยล่ะ!? นั่นก็เพราะบางทีแต่ละกิจการ มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างร้านอาหารแห่งนี้ ที่จะต้องใช้เงินลงทุน 100 บาท เพื่อเปิดร้านใหม่ ถ้ารอกำไรปีละ 20 บาท ก็ต้องรอไป 5 ปี จึงจะมีเงินครบไปเปิดร้านใหม่ ถ้าจะไปกู้ธนาคาร 100 บาทเลย บางครั้งธนาคารอาจจะคิดดอกเบี้ยแพง หรือไม่ให้กู้เสียอย่างนั้น เพราะฉะนั้นการเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้น ก็เป็นอีกช่องทางในการได้เงินลงทุนก้อนใหญ่ เพื่อนำไปลงทุนขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว 3.
กระแสการ "ออมหุ้น" เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่ทุยเลยเห็นคนโพสต์เรื่องหุ้นเยอะ จริง ๆ เรื่องการออมเงิน การลงทุน มีกระแสที่รุนแรงมากขึ้น อันนี้พี่ทุยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว บทความนี้พี่ทุยอยากจะพามารู้จักการลงทุนที่เค้าเรียกว่า "ออมหุ้น" กันดีกว่าว่าทำไมคนถึงหันมาให้ความสนใจกันเยอะขึ้น "ออมหุ้น" คืออะไร? พี่ทุยคิดว่าเหตุผลที่การ "ออมหุ้น" เป็นที่น่าสนใจมากขึ้นก็เพราะ หุ้นเปรียบเสมือนที่ดินยุคดิจิตอล อย่าเพิ่งงง ว่าบทความนี้พี่ทุยพูดอะไรของมัน เคยได้ยินเรื่องคนสมัยก่อนซื้อ ที่ดิน เก็บแล้ว ราคาขึ้นเยอะ ๆ กันมั้ย?
"อยากซื้อหุ้น จะต้องเริ่มต้นยังไง!? " หลังจากเขียนบทความด้านการลงทุนไปหลายบทความ ก็มีคำถามเรื่องของการเริ่มต้นลงทุน หรือเริ่มต้นซื้อหุ้นเข้ามาอยู่เสมอ หุ้นมันคืออะไรกันแน่?? แล้วทำไมราคามันต้องขึ้นๆ ลงๆ?? อยากจะซื้อหุ้น อยากจะลงทุนต้องเริ่มยังไง?? เลยเป็นที่มาของซีรีส์นี้ ที่จะช่วยให้คนที่ไม่มีความรู้เลย หรือคนที่เคยซื้อขาย-หุ้นมาแล้วบ้าง สามารถเริ่มต้นลงทุนได้แบบที่เข้าใจเกี่ยวกับหุ้นมากขึ้นนะครับ ซีรีส์นี้อาจจะเป็นเรื่องพื้นฐานหน่อย แต่ก็หวังว่าจะเข้าใจกันได้ไม่ยากครับ เรามาเริ่มจากตอนแรก ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "หุ้น" ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้น กันสักเล็กน้อย.. 1. หุ้นคืออะไร!?
(ที่น่ากลัว คือเราจะขายทิ้งหมดเอาตอนนั้น) Action ที่ช่วยเพิ่มพลังให้วิธีการนี้ได้อย่างจริงจัง คือการ "ออมเพิ่ม" เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น หรือเมื่อมีรายได้พิเศษ แต่อย่าทุ่มมาจนหมด ต้องมีการ "วางแผนการเงิน" ด้านอื่นๆ ร่วมด้วย ขอให้มีความสุขและประสบความสำเร็จกับการ "ออมหุ้น" ตามสมัยนิยมคร้าบ ^-^