สุทัศน์ วีสกุล ผอ. สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำปี 2564 จะไม่หนักเท่ากับปี 2554 เพราะฝนตกท้ายเขื่อนหลัก แต่ปี 2554 ฝนตกตั้งแต่เดือน เม. และมีพายุเข้ามา 4-5 ลูก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักเต็ม ต้องระบายออกจำนวนมาก น้ำท่วมท้ายเขื่อน ยากต่อการบริหาร ซึ่งเขื่อนเจ้าพระยาพยายามทดน้ำและทยอยปล่อยน้ำลงมา ซึ่งขณะนี้ปริมาณที่ปล่อยลงมายังน้อยกว่าปี 2554 ดังนั้นจึงคลายความกังวลได้ ว่าจะไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาฤดูฝนที่ยังเหลือเวลาอีก 1 เดือน แม้ตอนนี้ไม่ใช่ปัจจัยของลานีญา เป็นแค่ปัจจัยท้องถิ่น ก็ยังเป็นห่วงภาคใต้ฝั่งตะวันออก เพราะยังมีโอกาสมีฝนมากกว่าร้อยละ 28
คลองใหญ่ จ. ตราด 110. 4 มิลลิเมตร, อ. ตากฟ้า จ. นครสวรรค์ 202 มิลลิเมตร, สถานีอากาศเกษตรพลิ้ว จ. จันทบุรี 182 มิลลิเมตร, อ. วิเชียรบูรี จ. เพชรบูรณ์ 172. 5 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณฝนเฉลี่ยปีนี้ คาดการณ์ว่าสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 5-10 ซึ่งก่อนเข้าฤดูฝนไม่มีฝนเลย เริ่มมีฝนเพิ่มเดือน ก. ถึงปัจจุบัน แตกต่างจากปี 2554 ที่ปีนั้นมีฝนตกตั้งแต่ต้นปี และมีมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นปีลานีญา ประกอบกับมีพายุเข้ามาประมาณ 5 ลูก ซึ่งเกิดผลกระทบหนัก 2 ลูก ส่งผลให้มีน้ำปริมาณมากและกระทบหลายจังหวัด ปีนี้ต้นเป็นเอลนีโญอ่อน ๆ เดือน มี. -เม. ปรับมาเป็นกลาง และเปลี่ยนมาเป็นลานีญาอ่อน ๆ ตอนนี้คือ ต. -ธ. ค. หลังจากนี้จะมีฝนเพิ่ม แต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเกิดผลกระทบกับภาคใต้ ตอนบนของประเทศจะไม่มีฝนแล้ว สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ จึงไม่รุนแรงเท่าปี 2554 กรมชลฯ ระบุน้ำไม่ท่วมเหมือนปี 2554 นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายบำรุงรักษา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะเหมือนปี 2554 เพราะมีปัจจัยแตกต่างกัน กรมอุตุฯ ให้ข้อมูลว่าประมาณกลางเดือน ต. 2564 จะสิ้นสุดฤดูฝน จึงจะไม่มีฝนแล้ว ภาพ: เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ขณะที่สถานการณ์น้ำในเขื่อนหลัก จนถึงตอนนี้ยังมีพื้นที่รับน้ำได้อีก 10, 000 ลูกบาศก์เมตร ขณะที่การระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดระบายน้ำที่ 2, 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งน้อยกว่าปี 2554 ที่ระบายมากสุด 3, 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ก็มีการหน่วงน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้ปริมาณน้ำกระทบกับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบคือพื้นที่ลุ่มต่ำและ 2 ฝั่งริมแม่น้ำเท่านั้น มีโอกาสน้อยมากที่น้ำท่วมจะเหมือนปี 54 อยากให้ประชาชนสบายใจ ยืนยันอีกเสียง น้ำท่วมไม่หนักเท่าปี 2554 ดร.
สรยุทธ ยก 2 ข้อเทียบชัด น้ำท่วม 2564 จะซ้ำรอยปี 2554 หรือไม่ หลังหลายคนกังวลกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ยืนยัน 2 เหตุการณ์ไม่เหมือนกันแน่นอน แต่ก็ประมาทไม่ได้ ในช่วงนี้หลายพื้นที่ในประเทศไทยกำลังเจอสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางตอนเหนือ ภาคอีสานในโซน จ. นครราชสีมา ซ้ำยังมีข่าวเรื่องเขื่อนลำเชียงไกรแตก แต่กรมชลประทานยืนยันว่าไม่แตก แค่ทำนบดินชำรุด ทำให้หลายคนเริ่มกังวลว่า น้ำท่วมในปีนี้ จะซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ทะลักเข้ามาถึงกรุงเทพฯ หรือไม่ ภาพจาก Instagram sorrayuth9111 ล่าสุด วันที่ 27 กันยายน 2564 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง แสดงความคิดเห็นในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า มันจะไม่เป็นอย่างปี 2554 แน่นอน พร้อมให้เหตุผลดังนี้ 1. เขื่อนหลักอย่างเขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์น้ำน้อย ประมาณ 50% ไม่เหมือนปี 2554 เว้นแต่จะมีพายุเข้ามาอีก 2 ลูก 2. ตอนปี 2554 จะมีน้ำท่วมจากตอนบนของประเทศ ไหลลงมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาถึง จ. นครสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่กั้นน้ำเอาไว้ ตอนนั้นมีน้ำอยู่ในระดับมากกว่า 3, 000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ในปีนี้ระดับน้ำยังไม่สูงถึงขนาดนั้น ส่วนเขื่อนอื่น ๆ ในประเทศไทย ก็ยังมีระดับน้ำที่ไม่สูงเท่าปี 2554 นอกจากนี้ ตอนปี 2554 ยังเป็นเรื่องน้ำหลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ น้ำไม่ได้มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียว แต่มาจากทุ่งด้วย ไหลจากทุ่งเข้าท่วมถนน เป็นคนละแบบกับปี 2564 ทั้งนี้ สามารถสรุปได้ว่า ถ้าแบ่งเป็นพื้นที่ตรง จ.
02 ต. ค. 2564 เวลา 23:20 น. 3. 5k ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยด้านน้ำ ฟันธงสถานการณ์น้ำท่วมปี 2564 ไม่ซ้ำรอยปี 2554 เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนยังไม่ถึงครึ่ง แต่ต้องเฝ้าระวังการปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา-ป่าสักฯ ต้องไม่เกิน 3, 500 ลบ. ม. ต่อวินาที และไม่ปล่อยน้ำปริมาณมากต่อเนื่อง นายชัยยุทธ ชินณะราศรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ปรึกษาอธิการบดีด้านการบริหารการจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ. )
นครสวรรค์) บึงสีไฟ (จ. พิจิตร) ขาดการดูแลและถูกรุกล้ำ ทำให้ความจุน้ำลดลง การผันน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นไปอย่างไม่เต็มศักยภาพ น้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (จ. ลพบุรี) และไหลมายังเขื่อนพระรามหก (จ. พระนครศรีอยุธยา) ไม่ถูกผันเข้าสู่คลองระพีพัฒน์อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้น้ำส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่อำเภอพระนครศรีอยุธยา คลองระพีพัฒน์ไม่สามารถผันน้ำเข้าทุ่งตะวันออกได้ ปัญหาการบริหารการระบายผ่านพื้นที่และระบบบริหารจัดการน้ำที่มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ ประชาชนและองค์กรส่วนท้องถิ่นสร้างพนังและคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันพื้นที่ของตัวเอง ทำให้การระบายในภาพรวมไม่สามารถทำได้ จากปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ระหว่างเดือน ก. 2554 มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินรวมทั้งสิ้น 65 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 657 ราย สูญหาย 3 คน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 4 ล้านครัวเรือนหรือราว 13. 4 ล้านคน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 2, 329 หลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 96, 833 หลัง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 11. 2 ล้านไร่ ในวิดีโอสารคดีเรื่อง "น(า)ทีวิปโยค: 10 ปีมหาอุทกภัย" ที่พรรคเพื่อไทยผลิตและเผยแพร่ทางช่องยูทิวบ์ของพรรคเมื่อวันที่ 18 ต.
01 ต. ค. 2564 เวลา 4:07 น. 202 วสท. ผ่าโอกาสเสี่ยง น้ำท่วมใหญ่ กทม. เหมือนปี 2554 ชี้ ปริมาณน้ำฝน - ระดับน้ำในเขื่อนยังต่างกัน แต่ขอพื้นที่เสี่ยง 8 จังหวัดเตรียมพร้อม รับมือ 1-5 ต. นี้ ขณะ ดร. สมิตร แนะรัฐบาลเร่งสร้าง flood way แก้น้ำท่วม - น้ำแล้ง ยั่งยืน 1 ต. 2564 - พลิกปูม 23-28 กันยายนที่ผ่านมา อิทธิพลจาก พายุเตี้ยนหมู่ ส่งผลให้เกิด น้ำท่วม ในหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความเดือดร้อนอย่างหนักจาก อุทกภัย ที่เกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เช่น จังหวัดชัยภูมิที่เกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 50 ปี เป็นต้น นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท. )